เทรนด์การออกแบบฉลากสินค้าปี 2022

เทรนด์การออกแบบฉลากสินค้าปี 2022

บทบาทของการออกแบบฉลากสินค้าเปรียบเสมือนปกหนังสือที่สามารถดึงดูดใจ ให้ความรู้ และทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าสินค้าหรือผลิตภัณฑ์นี้ "ใช่" สำหรับพวกเขาซึ่งเคยมีการศึกษามาแล้วว่าผลิตภัณฑ์ของคุณนั้นมีเวลาเพียง 3 ถึง 5 วินาทีในการดึงดูดความสนใจของลูกค้า ดังนั้นการออกแบบฉลากสินค้าจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากที่จะต้องดึงดูดความสนใจของลูกค้า และสร้างความอยากรู้ของผู้บริโภคนั่นเองครับ

การออกแบบฉลากสินค้าคืออะไร

หากจะพูดถึงจุดประสงค์ในภาพรวมง่ายๆ คือเราสามารถออกแบบโดยการกำหนดฉลากผลิตภัณฑ์ด้วยการสร้างการออกแบบที่น่าดึงดูดด้วยการเขียนที่ดี และการแสดงข้อมูลที่ช่วยให้ผลิตภัณฑ์โดดเด่นและประสบความสำเร็จในตลาดนั่นเองครับ

 

ซึ่งการสร้างการออกแบบฉลากผลิตภัณฑ์มาตรฐานประกอบด้วยความรับผิดชอบจำนวนมาก ดังนั้นการออกแบบที่ดีจึงเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น และที่สำคัญยังช่วยในการพัฒนาเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่เชื่อถือได้ในตลาด

เทรนด์การออกแบบฉลากสินค้าปี 2022

1. การเลือกใช้วัสดุ :

แน่นอนครับในปัจจุบันผู้บริโภคและอุตสาหกรรมต่างๆ ทั่วโลกต่างก็ตระหนักดีและมองหาการเปลี่ยนแปลง โดยการใช้แบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากที่ไม่ควรมองข้ามวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แน่นอนครับการออกแบบที่ยั่งยืนยังสามารถสร้างผลดีต่อสุขภาพได้อีกด้วย

 

และอาจสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า ความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้ใช้และที่สำคัญลูกค้าอาจมองเห็นความใส่ใจของแบรนด์ที่ดีต่อสังคมนั่นเองครับ

 

2. เฉดสีและการไล่ระดับสี :

เฉดสีและการไล่ระดับสีเป็นการผสมผสานระดับปานกลางจากสีหนึ่งไปยังอีกสีหนึ่ง ซึ่งไม่มีข้อจำกัดสำหรับสองเฉดสี ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่าเทรนด์การไล่ระดับสีนั้นถูกปรับเปลี่ยนและเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากที่สำคัญยังดูทรงพลังด้วยการออกแบบ 

 

นอกจากนี้การผสมผสานของเฉดสีสามารถสร้างสรรค์ใหม่ที่ให้ความรู้สึกทันสมัยและยึดติดกับการออกแบบฉลากด้วย

 

3. สีและแบบอักษรตัวหนา :

องค์ประกอบที่สำคัญที่เรานั้นต้องพิจารณาขณะออกแบบฉลากสินค้าคือ สีและแบบอักษร ดังนั้นการติดฉลากจะน่าสนใจหรือดึงดูดสายตาจากลูกค้าจะต้องคำนึงถึงสีหรือแบบอักษรที่เหมาะสมตามลักษณะของผลิตภัณฑ์

 

ดังนั้นการใช้ฉลากสีเป็นตัวหนาจะทำให้ข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมดดูโดดเด่นขึ้นมา ซึ่งจะช่วยให้ผู้บริโภคจดจำได้มากขึ้น อย่างไรก็ตามในขณะออกแบบการติดฉลากจะต้องมีความแม่นยำด้วยสีและแบบอักษร

 

4. การเคลือบผิว : 

อยากจะบอกไว้ว่าพื้นผิวนั้นคือสิ่งที่สำคัญอย่างมากส่งผลต่อการดึงดูดสายตาด้วย ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วการเคลือบต่างๆ จะสามารถช่วยสร้างมุมมองและความรู้สึกสุดท้ายบนฉลากของคุณได้ ตัวอย่างเช่น

 

1. การเคลือบเฉพาะจุด : การเคลือบเฉพาะจุดจะใช้กับพื้นที่คุณลักษณะ หรือองค์ประกอบของฉลากเฉพาะ โดยการเคลือบดังกล่าวจะสร้างคอนทราสต์ของแสงและพื้นผิวที่เน้นด้านหนึ่งหรือสร้างลวดลาย

 

โดยทั่วไปแล้วจะเป็นแบบเงาหรือด้านแต่เป็นการสร้างพื้นผิว 3 มิติที่มีประสิทธิภาพเมื่อใช้ในชุดค่าผสมที่ตรงกันข้าม

 

2. การเคลือบพื้นผิว : การเคลือบแบบมีเท็กซ์เจอร์นั้นจะให้คุณภาพในเรื่องของการสัมผัสและการมองเห็นที่โดดเด่น อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้จะมีประสิทธิภาพเมื่อใช้กับองค์ประกอบของฉลากเฉพาะในการรวมกับการสปอตกลอสที่ตัดกัน

 

5. ป้ายชื่อส่วนบุคคล :

ในปัจจุบันเราจะสังเกตเห็นได้ว่าแบรนด์หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆ มักนิยมใส่ป้ายชื่อส่วนบุคคลเข้าไปด้วย จะทำให้ลูกค้าจำได้ว่าแบรนด์นี้เป็นของใคร หน้าตาของเจ้าของแบรนด์เป็นอย่างไรซึ่งจะทำให้จำได้ง่ายจะเกิดความน่าเชื่อถือด้วย

 

และที่สำคัญยังสามารถช่วยสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้กับแบรนด์ของคุณในตลาดได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะอยู่บนชั้นวางร่วมกับแบรนด์คู่แข่งอื่นๆ บางครั้งลูกค้าก็อาจจะจำชื่อแบรนด์ไม่ได้ แต่เขากลับจำป้ายชื่อได้ดังนั้นนี่คือความแตกต่าง

 

6. ผสมผสานงานศิลปะท้องถิ่น :

เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบันการออกแบบฉลากมักผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ที่สามารถสื่อถึงที่มาของผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้ ดังนั้นการใช้การออกแบบงานศิลปะท้องถิ่นหรือวัฒนธรรมในการออกแบบฉลากทุกประเพณีมีเรื่องราวมากมายให้ถ่ายทอดและมีสัญลักษณ์ดั้งเดิมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของสไตล์

 

7. การไดคัท :

ในปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของการไดคัทเพื่อสร้างรูปทรงฉลากที่เหมาะกับการออกแบบของคุณ ดังนั้นฉลากไดคัทจึงถูกนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์เกือบทุกชนิดซึ่งสามารถช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ได้นั่นเอง

 

8. การใช้หมึกแบบตอบโต้ :

การเลือกใช้หมึกเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่จะทำให้องค์ประกอบการออกแบบฉลากของคุณนั้นออกมาดูดี ซึ่งหมึกแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีความแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะเลือกใช้ให้เข้ากับการออกแบบในลักษณะไหน ตัวอย่างเช่น 

 

1. หมึกแสงแดด : หมึกเหล่านี้มีศักยภาพที่จะส่งผลให้พื้นผิวที่เหมาะสมได้ถึง 70% เอฟเฟกต์พิเศษจะมองไม่เห็นจนกว่าจะถูกแสงแดดส่องถึง ซึ่งมันจะเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับข้อความที่ซ่อนอยู่หรือองค์ประกอบการออกแบบซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น

 

2. หมึกกิ้งก่า : เป็นหมึกที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยเฉพาะซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนสีเมื่อมองการออกแบบจากมุมต่างๆ เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีล่าสุดและวิธีการที่ยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนองค์ประกอบการออกแบบ

 

3. หมึกพิมพ์เทอร์โมโครมิก : เป็นหมึกชนิดหนึ่งที่ผลิตขึ้นเพื่อเปลี่ยนสีตามอุณหภูมิ ตัวอย่างเช่น หมึกจะอยู่ในรูปแบบที่ชัดเจนและมีสีสันตามอุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง หรือจะผลิตเป็นสีเดียวก็ได้ แต่จะเปลี่ยนเป็นสีอื่นเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงนั่นเอง


 

หวังว่าผู้อ่านจะได้ประโยชน์จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ






 

 

 

 

 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : blog.thelabelprinters / designerpeople.com