4 เทรนด์การออกแบบเชิงพาณิชย์สำหรับปี 2023 (และวิธีนำไปใช้)

4 เทรนด์การออกแบบเชิงพาณิชย์สำหรับปี 2023 (และวิธีนำไปใช้)

ในทุกๆ ปีจะมีเทรนด์ต่างๆ เกิดขึ้นเสมอเนื่องจากความต้องการหรือพฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมการออกแบบเชิงพาณิชย์มีการพัฒนาอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะได้รับความนิยมในปีที่แล้ว และอาจถูกมองข้ามในปีนี้ และจะล้าหลังในปีหน้า 

 

ด้วยเหตุนี้นักออกแบบจึงต้องติดตามเทรนด์ต่างๆ เพื่อนำมาปรับใช้ หรือดูแนวโน้มความต้องการต่างๆ ของผู้คนที่เกิดขึ้น และนำมาสร้างสรรค์ปรับใช้กับงานตนเองเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากกว่าคู่แข่ง เป็นต้น

 

ดังนั้นในบทความนี้เราได้วิเคราะห์ 4 เทรนด์การออกแบบเชิงพาณิชย์สำหรับปี 2023 จาก deanagencystone มาฝากกันครับ

 

นักออกแบบเริ่มให้ความสำคัญกับวัสดุธรรมชาติ

ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในการใช้วัสดุธรรมชาติในพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น เมื่อมีผลิตภัณฑ์ใดที่ออกแบบจากวัสดุธรรมชาติ และดูทันสมัยจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ และมุมมองอื่นๆ ด้านบวกจากผู้บริโภคจะตามมาด้วย

 

โดยเหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนี้มีอยู่ 2 อย่าง คือ วัสดุธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการเพิ่มความรู้สึกของความอบอุ่นและความประณีตให้กับพื้นที่

 

การใช้สีเป็นหัวใจหลักของการออกแบบ

ในขณะที่ความเรียบง่ายได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อนาคตก็ดูสดใสและชัดเจน นักออกแบบพื้นที่เชิงพาณิชย์ระดับ high-end ได้เพิ่มสีสันในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำความน่าสนใจมาสู่พื้นที่ของพวกเขา

 

การออกแบบมีแนวโน้มไปทางวัสดุผสม

สำหรับแนวโน้มอีกประการหนึ่งที่คาดการณ์ไว้ในปี 2023 คือการใช้วัสดุผสมผสาน วัสดุประเภทต่างๆ เช่น ไม้และโลหะ เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่สะดุดตา นอกจากนี้ยังสามารถใช้วัสดุผสมเพื่อเพิ่มพื้นผิวและความน่าสนใจให้กับพื้นที่ เมื่อใช้วัสดุผสมในการออกแบบ

 

แต่...อย่าลืมพิจารณาว่าแต่ละองค์ประกอบจะทำงานร่วมกันอย่างไร เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่ต้องการ ตัวอย่างเช่น :

  1. องค์ประกอบของหินสามารถเพิ่มความรู้สึกมั่นคง และความทันสมัยให้กับการออกแบบได้
  2. ไม้ มักทำให้พื้นที่รู้สึกอบอุ่นและน่าอยู่
  3. โลหะสามารถเพิ่มความรู้สึกซับซ้อนหรือสร้างบรรยากาศแบบอุตสาหกรรมได้

 

ลวดลายเรขาคณิต “เป็นสิ่งที่น่าปวดหัว”

สำหรับลวดลายเรขาคณิตคาดว่าจะมีขนาดใหญ่ในปี 2023 โดยลวดลายเหล่านี้มีได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่รูปหกเหลี่ยมรังผึ้งไปจนถึงลายบั้ง (บั้งไฟ เฮ้ยยไม่ใช่!!) ซึ่งลวดลายเรขาคณิตสามารถใช้ได้ทั้งผนังและพื้น และสามารถสร้างขึ้นโดยใช้วัสดุหลากหลายประเภท

 

ตั้งแต่แผ่นไม้ไปจนถึงกระเบื้องหินธรรมชาติ การสร้างรูปแบบทางเรขาคณิตเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างความน่าสนใจทางสายตาด้วยสีที่เป็นกลาง หรือเพื่อสร้างช่วงเวลาที่น่าสนใจในองค์ประกอบการออกแบบที่มักถูกลืม

 

ความยั่งยืนในการออกแบบอยู่ในเทรนด์เสมอ 

เมื่อผู้คนจำนวนมากขึ้นตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของอุตสาหกรรมการออกแบบ ทำให้การออกแบบที่ยั่งยืนนั้นมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ     

 

อย่างไรก็ตามมีหลายวิธีในการทำให้พื้นที่มีความยั่งยืนมากขึ้น ตั้งแต่การใช้แสงที่ประหยัดพลังงานไปจนถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล ดังนั้นเมื่อรวมการออกแบบที่ยั่งยืนเข้ากับงานที่คุณจะทำ อย่าลืมคำนึงถึงความต้องการของลูกค้าและสิ่งแวดล้อมด้วยนะ ซึ่งคุณสมบัติการออกแบบที่ยั่งยืนบางประการที่ควรพิจารณา เช่น 

  1. เฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิล
  2. แสงสว่างที่ประหยัดพลังงาน
  3. กระเบื้องและพื้นหินธรรมชาติ
  4. พื้นไม้ไผ่
  5. สีและพื้นผิว VOC ต่ำ
  6. องค์ประกอบการออกแบบที่นำกลับมาใช้ใหม่หรือตกแต่งใหม่

 

ปี 2023 นี้และในอนาคตเราคาดว่าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในโลกของการออกแบบเชิงพาณิชย์ และวัสดุธรรมชาติสีสันสวยงาม วัสดุผสมและลวดลายเรขาคณิตล้วนถูกคาดการณ์ว่าจะสร้างความโดดเด่นต่อไปในอนาคต

 

อย่างไรก็ตามเมื่อรวมเทรนด์เหล่านี้เข้ากับงานของคุณ อย่าลืมพิจารณาว่าแต่ละองค์ประกอบจะทำงานร่วมกันอย่างไร เพื่อสร้างเอฟเฟกต์ที่ต้องการ

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย ถ้าหากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยครับ 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : deanagencystone.com