9 ประเภทของเว็บไซต์และรูปแบบการใช้งาน
ในเรื่องของการออกแบบที่ดีนั้นเราจำเป็นต้องรู้จักว่าเว็บไซต์ทั้งหมดนั้นมีกี่ประเภท เราควรให้ความสำคัญกับทุกองค์ประกอบของเว็บไซต์ เพราะในปัจจุบันที่มีการใช้งานที่หลากหลาย ประเภทก็มีหลากหลายเช่นเดียวกัน เนื่องจากว่าในการออกแบบเว็บไซต์แต่ละครั้งนั้นมีเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ต้องการใช้งานนนั้นแตกต่างกันออกไป ดังนั้นประเภทในการออกแบบเว็บไซต์จะช่วยให้นักออกแบบเว็บไซต์ได้ดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน และประเภทของเว็บไซต์ที่เราคุ้นเคย แบ่งได้ดังนี้
1.Personal Website
ความหมายตรงตัวนั่นคือ เว็บไซต์ส่วนบุคคล หรือเรียกว่าเว็บไซต์ส่วนตัวก็ได้ ซึ่งเป็นประเภทเว็บไซต์ที่เกิดขึ้นในยุคแรกของ World Wide Web (www) และเกิดขึ้นก่อนเว็บไซต์ประเภทอื่นๆ ภายในนั้นจะมีลักษณะการใส่ข้อมูลเหมือนไดอารี่ มีการใส่ข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ส่วนของเนื้อหาจะเป็นไปในทิศทางใดนั้นต้องแล้วแต่เจ้าของเว็บไซต์ ปัจจุบันเว็บไซต์ประเภทนี้จะถูกนำเสนอผลงาน ถ่ายทอดประสบการณ์ด้านต่างๆ สามารถทำเป็นเว็บไซต์หรือเว็บเพจเพียงหน้าเดียวได้
2.Photo Sharing Websites
เว็บไซต์นี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อรวบรวมผลงาน หรือจัดแสดงผลงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด ภาพถ่าย หรืองานศิลป์อื่นๆ ซึ่งเป้าหมายหลักของเว็บไซต์นี้คือ การรวบรวมรูปภาพในรูปแบบต่างๆ โดยจะมีการแสดงในรูปแบบของแกลอรี่ (Gallery) ที่สามารถแยกหมวดหมู่ให้สะดวกมากขึ้นในการค้นหา รวมไปถึงการเปิดเว็บไซต์เพื่อเป็นตลาดกลางสำหรับการซื้อขายรูปภาพอีกด้วย
3.Community Building Websites
เว็บไซต์นี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อสังคม หรือเป็นชุมชนออนไลน์ เพื่อให้มีการพูดคุยและปฏิสัมพันธ์กันในเว็บไซต์ โดยภายในเว็บไซต์นั้นอาจมีการแบ่งแยกย่อยเป็นเรื่องราวตามกลุ่มคนที่มีความสนใจเดียวกัน เช่น กลุ่มคนที่ชื่นชอบเกมออนไลน์ ก็อาจมีการตั้งกลุ่มเพื่อพูดคุยในสิ่งที่สนใจเดียวกัน เกมเดียวกัน เพื่อให้การพูดคุยนั้นมีความสนุกสนาน อีกทั้งเป็นการเพิ่มมิตรไมตรีในกลุ่มคนที่ชื่นชอบสิ่งเดียวกัน
4.Writers / Authors Websites
เว็บไซต์สำหรับนักเขียน หรือผู้ที่ทำงานเขียน โดยงานที่ถูกตีพิมพ์ตามสำนักพิมพ์ในรูปแบบหนังสือ หรือขายตามหน้าเว็บในรูปแบบของ E-book ซึ่งในส่วนของตัวเว็บไซต์นี้จะเน้นที่การนำเสนอผลงานเขียนที่เป็นผลงานของเจ้าของเว็บไซต์โดยที่ไม่ขึ้นตรงกับสื่อใด เพื่อให้มีผู้ติดตามผลงานจากนักเขียนโดยตรง ผ่านเว็บส่วนตัวของผู้เขียน
5.Blogging Websites
เว็บไซต์นี้จะมีลักษณะคล้ายกับเว็บไซต์ประเภท Personal Website ที่มีรูปแบบการเขียนเหมือนการเขียนไดอารี่ออนไลน์ เพื่อให้มีผู้อื่นได้แวะเวียนกันเข้ามาอ่าน ในแต่ละเรื่องราวอาจเริ่มต้นการเขียนจากสิ่งที่เจ้าของเว็บไซต์นั้นๆ ให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการท่องเที่ยว อาหารที่ชื่นชอบ เป็นต้น ซึ่งมองผิวเผินอาจดูมีความคล้ายกับเว็บไซต์แบบ Personal Website แต่แท้จริงแล้วมีความแตกต่าง เพราะ Blogging Websites จะมีระยะเวลาการอัพเดตเนื้อหาข้อมูลที่บ่อยกว่า แต่ Personal Website ที่มีเนื้อหาเฉพาะเจาะจง
6.Informational Websites
เว็บไซต์ที่ถูกจัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูล ความรู้ ที่หลากหลาย เช่น wikipedia ที่เป็นเว็บไซต์สำหรับการค้นหาข้อมูล หรือการใช้คำจำกัดความในการค้นหา หรือ เว็บไซต์เกี่ยวกับการเกษตร ที่อาจนำเสนอเกี่ยวกับการเพาะปลูกต้นไม้ พืช ผัก การดูแลต่างๆ หรือที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรอย่างเฉพาะเจาะจง
7.Online Business Websites
เว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ ที่ส่งเสริมเกี่ยวกับการทำธุรกิจในรูปแบบต่างๆ สินค้า โปรโมชั่น เป็นต้น หรือในบางครั้งนั้นอาจถูกจัดทำขึ้นเพื่อขายสินค้าและบริการโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน การทำธุรกิจในลักษณะนี้จะถูกเรียนกว่า E-Commerce หรือพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
8.Directory Websites
เว็บไซต์ที่ใช้สำหรับค้นหาข้อมูล หรือการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการให้บริการทั้งหลายเอาไว้ด้วยกัน เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหา อำนวยความสะดวกต่อผู้ใช้งาน เว็บไซต์จะมีลักษณะคล้ายกับสมุดหน้าเหลืองที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ เอาไว้ ในส่วนทิศทางของข้อมูลอาจขึ้นอยู่กับเจ้าของเว็บไซต์ว่ามีจุดประสงค์ใด เช่น เว็บไซต์ที่รวบรวมแหล่งท่องเที่ยวเกี่ยวกับธรรมชาติในแต่ละฤดูทั่วประเทศ หรือเว็บไซต์ตัวช่วยในการค้นหาที่ใครก็ต่างรู้จักกันดีอย่าง Google ถือว่าเป็น Directory Websites
9.E-Commerce Websites
เว็บไซต์สำหรับขายสินค้าและบริการโดยตรงผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต สามารถกำหนดรูปแบบภายในเว็บไซต์ว่าต้องการให้เป็นไปในรูปแบบใด แสดงสินค้า การเลือกช่องทางการชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น เช่นกันบางเว็บไซต์ที่มีการใช่ระบบการโอนเงินและทำการแจ้งชำระเงินภายหลัง ก็ยังไม่ถือเป็นเว็บไซต์ E-Commerce ที่แท้จริง
เมื่อรู้จักประเภทของเว็บไซต์แล้ว การทำงานของทีมไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงนักออกก็ก็จะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น ภายใต้เงื่อนไขที่เข้าใจตรงกัน รูปแบบที่คาดเดาได้ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้การทำงานได้มีความราบรื่นขึ้น อีกทั้งข้อมูลประเภทของเว็บไซต์ก็จะช่วยให้กำหนดทิศทางของเว็บไซต์ที่จะทำให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจของเราได้มากขึ้นอีกด้วย
ที่มา : am2bmarketing
รูปภาพ : pinterest