นักออกแบบควรทำอย่างไร ถึงจะไม่ได้แก้งานบ่อย
นักออกแบบหลายท่านอาจคุ้นชินกับการที่ต้องแก้งานบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่ที่ไม่ชินอาจจะเป็นลูกค้าที่มีเรื่องราวมากมายเข้ามาหาเราอยู่เสมอๆ แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อหน้าที่ของเราคือนักออกแบบ สิ่งที่จะทำได้และต้องทำนั่นก็คือการออกแบบงานให้ออกมาตรงตามการตกลงกันเอาไว้ สำหรับวันนี้มีทริคเล็กน้อยเผื่อนักออกแบบที่จะช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้น แก้งานน้อยลง และมีสติรอบคอบมากที่สุด เพื่อให้การออกแบบส่งงานลูกค้าแต่ละครั้งนั้นไม่เสียเวลา เสียอารมณ์ และเป็นการฝึกฝีมือและทดสอบรูปแบบการทำงานของเราไปในตัวอีกด้วยนั่นเอง
1.No Brief No Work
เพราะการมีบรีฟจะช่วยให้เรามีสโคปในการทำงานมากขึ้น หากลูกค้าบอกว่ายังไม่มีไอเดีย สิ่งที่นักออกแบบควรจะทำก็คือ ถามและหาแนวทางความต้องการที่ลูกค้าต้องการออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เกิดเป็นผลดีต่อการทำงานของเรามากที่สุด ลดการแก้งาน และตรงกับความต้องการของลูกค้า
2.เอา Moodboard ไปคุยกับลูกค้า
หลังจากที่เราได้บรีฟก่อนที่จะลงมือทำให้ลองทำ Moodboard เพื่อมาคุยกับลูกค้า โดยทำแบบเสนอลูกค้าประมาณ 2 - 3 แบบ เพื่อเป็นการตีกรอบของการดีไซน์ และไอเดียต่างๆ ให้แคบลง ที่สำคัญอย่าลืมว่า ลูกค้าคือลูกค้า ไม่ใช่นักออกแบบการทำ Moodboard ไปเสนอลูกค้าจะช่วยให้การออกแบบงานออกมาตรงความต้องการและประหยัดเวลามากขึ้น
3.จดบันทึกคำพูดของลูกค้า (ทุกคำพูด)
เพราะเคยเกิดกรณีที่ลูกค้าทำการเปลี่ยนแปลงแบบ รวมไปถึงความต้องการไปมา และบอกนักออกแบบว่าต้องการอีกอย่างหนึ่ง และไม่เคยบอก ไม่เคยพูด หรือตกลงแบบแรกที่ร่างเอาไว้ เหล่านี้จะทำให้เกิดการเสียเวลาและเสียอารมณ์นักออกแบบ ดังนั้นการจดบันทึกเอาไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือการบันทึกเสียงเวลาคุยงานเพื่อนำมาสรุปถึงความต้องการให้ได้อย่างชัดเจนที่สุด ถึงแม้จะดูเยอะหรือวุ่นวาย แต่ถือว่าเป็นการรักษาผลประโยชน์ในการทำงาน
สิ่งที่ไม่ควรทำในการรับคำสั่งแก้งาน
- ไม่รับแก้งานผ่านไลน์ เพราะถือว่าเป็นหลักฐานที่ไม่ชัดเจนในการนำมาแย้งย้อนหลัง
- ไม่รับแก้งานปากเปล่า เพราะไม่เป้นหลักฐานที่ชัดเจน ควรจะทำการส่งอีเมลการแก้งานให้ลูกค้าเพื่อเป็นหลักฐานในการยืนยันการสั่งแก้ไขงาน
4.กำหนดจำนวนการแก้ก่อนเริ่มงาน
การทำงานออกบบควรมีเงื่อนไขและกำหนดวันเวลาในการทำงานอย่างชัดเจน สามารถแก้ไขได้กี่ครั้ง เพราะบางครั้งการแก้ไขงานแบบไม่กำหนดจำนวนจะทำให้เราขาดทุนในงานชิ้นนั้นๆ ได้ หรือการแก้งานเกินที่กำหนดก็ต้องมีค่าใช้จ่าย เป็นต้น
5.จ้างเราแล้ว ฟังเราด้วย
การออกแบบตามความต้องการของลูกค้านั่นคือสิ่งที่ดี แต่ในบางครั้งความต้องการของลูกค้าอาจทำให้ผลงานชิ้นนั้นมีรูปแบบที่เสียไป เมื่อเราเป็นนักออกแบบเราควรมีการนำเสนอ และมอบความคิดเห็นเพื่อให้ลูกค้าได้นำไปเป็นแนวคิดและตัดสินใจด้วย
ที่มา : grappik