AI ช่วยยกระดับการศึกษาได้อย่างไร

AI ช่วยยกระดับการศึกษาได้อย่างไร

ตั้งแต่ AI (ปัญญาประดิษฐ์) เข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของอุตสาหกรรมต่างๆ แต่ AI ยังสามารถช่วยส่งเสริมระบบการศึกษาในหลายๆ ด้านอีกด้วย

 

ดังนั้นในบทความนี้เราจะพาผู้อ่านมาดูว่า AI นั้นสามารถช่วยยกระดับการศึกษาได้อย่างไร ซึ่งอาจจะช่วยสร้างไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้อ่าน ที่จะสามารถนำไปปรับใช้ในอนาคตได้

 

1. AI ช่วยเหลืองานธุรการและงานเอกสาร ได้เป็นอย่างดี: สำหรับการช่วยเหลืองานธุรการและงานเอกสาร เช่น 

  1. การช่วยบันทึกข้อมูลการเข้าห้องเรียน
  2. การเข้าร่วมกิจกรรม 
  3. ตารางเรียนของผู้เรียน

ซึ่งแสดงผลออกมาในรูปแบบที่ง่ายต่อการนำไปประเมินต่อไป รวมถึงการจัดการงานเอกสารอื่นๆ เช่น

  1. การจัดหมวดหมู่เอกสาร
  2. การเรียงลำดับเอกสาร
  3. การเก็บเอกสารในรูปแบบดิจิทัลด้วยเทคโนโลยีการรู้จำอักขระด้วยแสง ที่จะช่วยแปลงเอกสารทางกายภาพให้เป็นรูปแบบดิจิทัล ทำให้สามารถค้นหาและเข้าถึงได้ง่าย 

 

2. AI ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา: ผู้เรียนที่มีข้อจำกัดที่หลากหลายแตกต่างกันออกไป รวมถึงอุปสรรคด้านการเรียนภาษาต่างชาติ โดยแอปพลิเคชัน AI จะช่วยให้ผู้เรียนได้คุ้นเคยกับภาษาต่างชาติ ได้ฝึกออกเสียงและการพูด เพื่อโอกาสในการพัฒนาการเรียนรู้ด้านภาษา ส่งผลให้การเรียนมีความสุขและเติมเต็มมากยิ่งขึ้น

 

3. AI ช่วยสร้างเนื้อหาสรุปการเรียนการสอน: ด้วยเทคโนโลยี Generative AI ที่ถนัดในการช่วยสรุปและวิเคราะห์เนื้อหาการสอนให้มีความกระชับ, เข้าใจง่าย, มีบทสรุป และแบบทดสอบให้ฝึกฝนตามระดับทักษะ และยังสามารถช่วยแก้ไขและเร่งพัฒนาทักษะในด้านที่ผู้เรียนไม่เชี่ยวชาญได้ 

 

4. AI ช่วยในการประเมินและการให้คำติชม: เนื่องจาก AI สามารถทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยครูผู้สอนในการประเมินนักเรียนอย่างครอบคลุม ในหลากหลายมุมมองแบบเรียลไทม์ ฉะนั้นด้วยอัลกอริทึมที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลผลการเรียน ระบุจุดแข็งและจุดอ่อน และพร้อมให้คำติชมอย่างละเอียดในส่วนที่ต้องปรับปรุงแก่นักเรียน 

 

ดังนั้น ในส่วนนี้จะเป็นการเพิ่มความเอาใจใส่และส่งเสริมการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งให้กับผู้เรียน จากคำติชมที่ทันท่วงทีและผู้สอนสามารถช่วยแก้ไขและเร่งพัฒนาทักษะในด้านที่ผู้เรียนไม่เชี่ยวชาญได้!

 

5. ระบบติวเตอร์อัจฉริยะ: AI สามารถทำหน้าที่เป็นติวเตอร์ช่วยเหลือด้านการเรียนตลอด 24 ชั่วโมงกับผู้เรียนแบบเรียลไทม์ (ที่สามารถปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบการเรียนรู้ของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี) เช่น 

  1. สามารถสนทนาโต้ตอบและให้คำอธิบายกับผู้เรียนได้
  2. สามารถส่งเสริมการเข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ
  3. สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการเรียนการสอนในกรณีที่อัตราส่วนของครู และอาจารย์ไม่เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน

 

6. การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เฉพาะบุคคล: การสร้างประสบการณ์การเรียนรู้เฉพาะบุคคลให้กับผู้เรียน ด้วยความอัจฉริยะของอัลกอริทึมที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของผู้เรียนแต่ละคนได้  เช่น

  1. ความชอบ
  2. วิชาที่ถนัด
  3. ผลการเรียน

เพื่อปรับเนื้อหาและรูปแบบการเรียนและกิจกรรมทั้งในและนอกห้องเรียนให้เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพในชั่วโมงการเรียนที่เหมาะสม

 

ดังนั้น จะช่วยส่งเสริมจุดแข็งและปรับปรุงจุดอ่อน ซึ่งการเรียนรู้เฉพาะบุคคลนี้ ไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเรียนรู้ที่เหมาะกับผู้เรียนอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ภารกิจของ AI ในภาคการศึกษาที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นเพียงตัวอย่างที่เราสมควรพิจารณาเริ่มนำมาทดลองใช้ในสถานศึกษา

 

ทั้งนี้ ครูและอาจารย์ก็ยังเป็นฟันเฟืองที่สำคัญที่สุดที่มีหน้าที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ จริยธรรมอันดี รวมถึงการให้คำแนะนำ

 

และการดูแลเอาใจใส่ที่เหมาะสมแก่ผู้เรียนในสถานศึกษา เพื่อเติบโตเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพและรอบรู้ต่อไปในอนาคต

 

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย




 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก: bangkokbiznews.com