สิ่งที่ขาดไม่ได้ใน Portfolio ของ Web Designer

สิ่งที่ขาดไม่ได้ใน Portfolio ของ Web Designer


Portfolio จะสามารถบ่งบอกหลายสิ่งเกี่ยวกับเจ้าของผลงานได้ ดังนั้นสิ่งต่อไปนี้ที่จะช่วยให้เหล่า Web Designer ได้ตรวจสอบ และดูว่าผลงานของตนเองนั้นมีสิ่งใดที่ขาดไปบ้าง เพื่อจะได้ทำให้ Portfolio ของตนเองนั้นมีความสมบูรณ์แบบและน่าสนใจมากที่สุด

1.วันที่
วันที่จะสามารถบ่งบอกได้ว่า ผลงานของเรานั้นมีความทันสมัย ตามโลกปัจจุบันมากแค่ไหน รวมไปถึงความถี่ในการทำงาน ในการออกแบบผลงาน ประสบการณ์ในการทำงานว่าเรามีระยะเวลาในการทำงานมานานแค่ไหน เช่นกันผลงานต้องอัพเดตให้สดใหม่อยู่เสมอ เพราะการมีแค่ผลงานเก่านั่นอาจหมายความว่า เราไม่มีการพัฒนาและอาจไม่จ้างงานเราก็เป็นได้

2.เว็บไซต์จริง
เมื่อลูกค้าถูกในสกรีนช็อตเว็บไซต์ ก็อาจต้องการที่จะเห็นเว็บไซต์จริงด้วย เพื่อเป็นการเช็คอีกขั้นตอนหนึ่งว่าผลงานของเรานั้นมีดี และมีคุณภาพมากแค่ไหน ดังนั้นอย่าลืมแปะลิงก์ผลงานของเราเอาไว้ด้วย อย่างไรก็ตามควรมีผลงานอื่นๆ เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นและพิจารณา

3.เครื่องมือในการใช้งาน
ลูกค้าอาจใช้บริการของเว็บไซด์ต่างๆ เช่น Aweber สำหรับทำ mailing list หรือ WordPress สำหรับทำ Blog ซึ่งถ้าผลงานเก่าของเรามีการใช้ หรือเชื่อมต่อ กับบริการเหล่านั้นจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเราได้ง่ายขึ้น เพราะเห็นว่าเราสามารถนำบริการ software เหล่านั้นมาใช้ในเว็บไซต์ได้ ดังนั้นใน Portfolio เราจึงควรระบุบริการต่างๆ ที่สามารถนำมาใช้ในผลงานเก่าแต่ละงาน ซึ่งอาจมีรายละเอียดเกี่ยวกับบริการนั้นๆ เล็กน้อยด้วย

4.ความถนัดในประเภทเว็บไซต์
เพราะเว็บดีไซน์เนอร์อาจมีความถนัดในการออกแบบเว็บไซต์เพียงบางประเภท เช่น เว็บไซต์ขายของ /เกมส์ออนไลน์ เป็นต้น ซึ่งถ้าเราระบุประเภทเว็บไซต์ก็จะทำให้ลูกค้าเลือกเราไปออกแบบเว็บไซต์ได้ตรงจุดมากขึ้น และผลงานที่เราแสดงใน Portfolio ก็จะสามารถบอกลูกค้าได้เช่นเดียวกันว่า เราถนัดเว็บไซต์ในรูปแบบใดนั่นเอง หรือเว็บดีไซเนอร์ท่านใดที่ถนัดงานทุกประเภท ก็จัดแสดงผลงานแบบคละกันไปเพื่อให้ลูกค้าเลือกชมผลงานได้หลากหลายที่สุด

5.สไตล์ในการออกแบบ
เพราะการมีสไตล์ในการออกแบบที่หลากหลายจะช่วยให้ลูกค้าเลือก และตัดสินใจจ้างเราได้ง่ายขึ้น เพราะในบางครั้งลูกค้าอาจเรียบเรียงคำพูดที่ต้องการไม่ชัดเจน หรือไม่สามารถอธิบายได้ ก็อาจอาศัยการมองจากผลงานของเรา เพื่อบอกว่าต้องการให้เว็บไซต์เป็นอย่างไรนั่นเอง และถ้าหากเรามีสไตล์ที่หลากหลายก็จะช่วยเพิ่มลูกค้าได้หลายกลุ่มมากยิ่งขึ้น 

6.ความสามารถพิเศษ
ความสามารถพิเศษอาจทำให้เราเหมาะสมกับโปรเจคของลูกค้า และความต้องการของลูกค้าได้ง่ายมากขึ้น และวิธีการบอกเล่าความสามารถพิเศษ คือการอธิบายเกีย่วกับผลงานต่างๆ ใน Portfolio ว่ามีการใช้เทคนิคหรือ เครื่องมือแบบใดในการพัฒนาเว็บไซต์ ทำอย่างไรให้เว็บไซต์ดูเด่นขึ้น

7.ความเป็นมาของผลงาน
บริบทต่างๆ จะช่วยให้ลูกค้าเชื่อมั่นในการออกแบบของเรามากขึ้น เพราะข้อมูลต่างๆ จะสามารถบ่งบอกความต้องการของลูกค้าได้ การบอกเล่าถึงความต้องการของลูกค้าในชิ้นงานนั้นๆ ปัญหาที่เกิดขึ้น หรืออื่นๆ เป็นต้น

8.คำตอบรับจากลูกค้า
การนำความคิดเห็นของลูกค้าที่ใช้บริการกับเรามาใส่ไว้ใน Portfolio จะช่วยให้ลูกค้าท่านต่อไปที่กำลังดูผลงานของเรานั้นสามารถตัดสินใจเกี่ยวกับการจ้างงานของเราได้ง่ายขึ้น การลงรางวัลที่งานออกแบบของเราได้รับ หรือลงลิงค์ไปยังบทความที่งานออกแบบของเราถูกพูดถึง ก็จะส่งผลดีต่อเราเช่นกัน ดังนั้นควรเช็คว่าผลงานของเรานั้นไปโผล่ตามช่องทางใดบ้าง เพื่อเป็นการอัพเดตผลตอบรับจากผลงานของเราอีกช่องทางหนึ่ง

9.การออกแบบของเว็บ Portfolio
การออกแบบของเว็บ Portfolio ก็มีความสำคัญไม่แพ้ผลงานเก่าๆ ที่ได้เลือกมาแสดง ไม่จำเป็นต้องล้ำหรือเลิศหรูจนเกินไป แต่การแสดงตัวตนว่ามีความเป็นตัวเองมากแค่ไหน อีกทั้งอย่าลืมรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เช่น เช็คว่าลิงค์ทุกลิงค์บนเว็บไซด์ใช้การได้ หรือการมีโดเมนเว็บไซด์เป็นของตัวเอง (แทนที่จะเป็นโดเมนของโฮสต์ฟรี) บางทีเราอาจคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเล็กน้อยมาก แต่สำหรับลูกค้าแล้วก็เป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว

10.ผลงานที่ดีที่สุด
เพราะลูกค้านั้นจะคำนึงเสมอว่าผลงานที่ได้นำมาใส่ Portfolio นั้นคือผลงานที่ดีที่สุดของเรา และคาดว่าจะได้รับงานที่มีคุณภาพเช่นเดียวกับผลงานที่นำมาแสดง และเช่นกันเมื่อลูกค้าทำการจ้างเรานั่นหมายความว่า ลูกค้าหวังว่าเราจะใช้ความสามารถสูงสุดของคุณออกแบบเว็บไซต์ให้เขานั่นเอง ดังนั้นควรมีการเลือกผลงานที่นำมาแสดงอย่างละเอียด และพิถีพิถัน และอย่าลืมเรื่องข้อตกลงที่มีกับลูกค้าท่านอื่นเกี่ยวกับผลงานที่เราสร้างขึ้นด้วย ในบางครั้งลูกค้าอาจมีข้อบังคับบางอย่างที่ไม่ต้องการให้เรานำผลงานในส่วนนี้ออกมาแสดง ซึ่งเราอาจต้องสร้างงานที่มีคุณภาพไม่แพ้กันมาแสดงใน Portfolio 

 

 





ที่มา : designil