พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต ชวนจินตนาการโลกในฝันสุดล้ำสมัย

พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต ชวนจินตนาการโลกในฝันสุดล้ำสมัย

เมื่อไม่นานที่ผ่านมา ดูไบได้เปิดตัว “พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต” โดยตั้งคำถามให้ชวนคิดว่าโลกแห่งอนาคตจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร หากทุกคนสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและได้แบ่งปันทรัพยากรกัน

 

โดยสิ่งปลูกสร้างสีเงินทรงวงรีที่มีความสูงราว 70 เมตร ที่มาพร้อมกับหน้าตาตัวอักษรอาหรับที่สวยงามและแปลกตาทั่วบริเวณตัวอาคาร คือ ส่วนสำคัญของตึก Museum of the Future ที่นครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)

 

ซึ่งการออกแบบตึกครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาเมืองที่ล้ำสมัยแต่ยังคงยึดถืออารยธรรมของชาวอาหรับอยู่นั่นเอง

 

ได้เปิดตัว พิพิธภัณฑ์ Museum of the Future ไปเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้ผู้เยี่ยมชมได้สัมผัสถึงจินตนาการของโลกอนาคตในอีกราว 50 ปีข้างหน้า ซึ่งระยะเวลาดังกล่าวมีความสำคัญเพราะเทียบเท่ากับเวลาที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เริ่มพัฒนาตนเองจากชุมชนเล็กๆ ริมทะเลในปี 1970 จนมาสู่ศูนย์กลางของความมั่งคั่งทางด้านทรัพยากรน้ำมันได้ในปัจจุบัน

 

ทาง ซาราห์ อัล-อมารี่ รัฐมนตรีกระทรวงเทคโนโลยีกล่าวกับสำนักข่าวเอพีว่าสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จำเป็นต้องพัฒนาตนเองอย่างรวดเร็วเพื่อไล่ตามให้ทันชาติพัฒนาอื่นๆ ทั่วโลก โดยก่อนปี 1971 ประเทศของเธอไม่มีถนน ไม่มีการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือระบบไฟฟ้าเลยด้วยซ้ำ

 

เมื่อปีที่ผ่านมา สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศเข้าร่วมประเทศอื่นๆ ในการลดการปล่อยก๊าซดักความร้อน จากปรากฏการณ์เรือนกระจก พร้อมลดการใช้พลังงานจากถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในประเทศเพื่อการพัฒนาโลกในอนาคตที่ยั่งยืน ด้วยเหตุนี้ “พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต” จึงพยายามสื่อสารให้ผู้คนนึกถึงโลกที่อุดมสมบูรณ์กับเมืองที่มีทรัพยากรและสินค้าต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวก    

 

ทาง รัฐมนตรี ซาราห์ อัล-อมารี่ ยังได้กล่าวอีกว่าจุดประสงค์ของการทำเช่นนี้ คือ การทำให้ผู้คนได้เห็นถึง การพัฒนาโลกอนาคตที่ยั่งยืนและอุดมสมบูรณ์โดยไม่จำเป็นต้องแลกด้วยการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

 

เบรนแดน แมคเก็ตทริค ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสร้างสรรค์ (Creative director) ของพิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต เห็นด้วยกับแนวคิดข้างต้นและกล่าวเสริมว่า ผู้คนไม่จำเป็นต้องกลับไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์ยุคโบราณ คนเรายังสามารถคิดค้น สร้าง และเติบโตทางเทคโนโลยีได้อีกด้วยการตระหนักและเรียนรู้ถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับโลกใบนี้

 

เบรนแดน แมคเก็ตทริค ยังได้กล่าวต่ออีกว่า เป้าหมายสำคัญของพิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต คือ การชวนให้ผู้คนจินตนาการโลกในวันข้างหน้าที่พัฒนาแบบยั่งยืนและแบ่งปันทรัพยากรกันว่าเป็นอย่างไร และทำสิ่งนั้นในโลกแห่งความเป็นจริงให้สำเร็จ

 

ทั้งนี้ สำหรับสีสันของ Museum of the Future ผู้เยี่ยมชมจะได้เรียนรู้ถึง รถแท็กซี่ที่บินได้ พืชที่ช่วยต้านการติดไฟป่าได้ ฟาร์มพลังงานลมและโลกที่ใช้พลังงานจากอวกาศมาขับเคลื่อน พร้อมกับโครงการที่น่าสนใจอื่นๆ รวมถึง Sol Project ที่พูดถึงการเก็บสะสมพลังงานจากดวงอาทิตย์และส่งพลังงานต่อไปยังดวงจันทร์ จากนั้นพลังงานดังกล่าวจะถูกปล่อยลงมาสู่อุปกรณ์ต่างๆ บนโลกของเรา และโครงการสำรวจอวกาศ OSS Hope ที่ใช้ชื่อเดียวกับปฏิบัติการสำรวจดาวอังคารของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเมื่อปีที่ผ่านมา UAE นับเป็นประเทศอาหรับแห่งแรกที่ส่งยานอวกาศไปดาวเคราะห์อื่นสำเร็จครับ

 

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคตยังแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลการพัฒนาจากศาสนาอิสลาม เช่น แผนที่ astrolabes ที่แสดงให้เห็นระบบสุริยะที่ชาวมุสลิมคิดค้นโดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เมื่อหลายร้อยปีก่อน และพื้นที่นั่งสมาธิที่ผู้เยี่ยมชมสามารถสัมผัสถึง การสั่นสะเทือน แสง และน้ำ ซึ่งสามสิ่งนี้คือปัจจัยสำคัญสำหรับคนอาหรับในคาบสมุทรอาระเบีย

 

ในส่วนของตัวอาคารหลักจะมีกระจกดำเป็นส่วนประกอบ ซึ่งส่องแสงออกมาผ่านเสาที่มีการออกแบบสะท้อนให้เห็นถึงโครงสร้างพันธุกรรมที่ได้ถูกจินตนาการขึ้นมาจากพันธุ์พืชและสัตว์อีกด้วย และ รัฐมนตรี ซาราห์ อัล-อมารี่ ย้ำว่า การสร้างบรรทัดฐานทางสังคม และวิถีชีวิตแบบใหม่ให้อยู่ร่วมกันได้นั้นสามารถเกิดขึ้นได้

 

ผู้ออกแบบ พิพิธภัณฑ์แห่งอนาคต อย่างบริษัท Killa Design ยังได้ระบุอีกด้วยว่าตัวอาคารได้รับรางวัลระดับนานาชาติ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ขั้นสูงสุด หรือ Platinum ซึ่งรับรองถึงมาตรฐานเพื่อสิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงานที่ดีเยี่ยม

 

ท้ายสุดนี้ สำหรับผู้ที่อ่านบทความจบแล้ว ใครที่อยากจะเข้าไปเยี่ยมชมเข้าชมพิพิธภัณฑ์ Museum of the Future ราคาของบัตรเข้าชมอยู่ที่ 40 ดอลลาร์ หรือประมาณ 1,300 บาทต่อท่านครับ







 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : sanook.com