การนำเทคโนโลยีดิจิทัลรวมถึง เอไอ มาใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ดีอย่างไร (ในการดันไทยไปสู่ Medical Hub)
แน่นอนครับประเทศไทยเป็นที่ยอมรับทางด้านการแพทย์เพราะอุตสาหกรรมการแพทย์ไทยนั้นได้ถูกพัฒนาไปอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการรักษาหรือด้านบริการที่ครอบคลุม ฉะนั้นจึงไม่แปลกใจเลยว่าประเทศไทยได้รับการชื่นชมด้าน Medical Tourism
ดังนั้น Krungthai COMPASS ได้มองว่าการผลักดันไทยก้าวสู่ Medical Hub อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากจะช่วยดึงเม็ดเงินเข้าสู่ประเทศแล้ว ยังเพิ่มการจ้างงาน และที่สำคัญยังเชื่อมโยงไปยังธุรกิจที่เกี่ยวข้องได้อีกมากมาย
อย่างไรก็ตามการนำเทคโนโลยีดังกล่าวเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมทางการแพทย์นั้น สามารถเพิ่มประสิทธิภาพทั้งการวินิจฉัยและรักษาได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
องค์ประกอบสำคัญที่ภาครัฐสนับสนุนให้ขับเคลื่อนเป็น Medical Hub ได้แก่
- ศูนย์กลางบริการวิชาการและงานวิจัย (Academic Hub)
- ศูนย์กลางยาและผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพ (Product Hub)
- ศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Wellness Hub)
- ศูนย์กลางบริการทางการแพทย์ (Medical Service Hub)
ด้านการแข่งขันบริการทางการแพทย์
พบว่าไทยนั้นมีข้อได้เปรียบหลายด้าน เช่น การเปิดประเทศที่มีเงื่อนไขที่น้อย ดังนั้นผู้ป่วยต่างชาติจะสามารถเข้ามาได้เกือบทั้งหมด อีกทั้งภาครัฐได้มีนโยบายผลักดันไทยเป็น Medical Hub นี่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ดี และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือต้องได้มาตรฐานทั้งระบบ ซึ่งจะเน้นเรื่องของความปลอดภัยเป็นหลัก
ในขณะเดียวกันโรงพยาบาลเอกชนก็เป็นส่วนที่สำคัญอย่างมากถึงมากที่สุด เพราะว่ามีการให้บริการทางการแพทย์คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 65% นี่จึงเป็นตัวแปรที่สำคัญ และศักยภาพในการผลักดันดิจิทัลเฮลท์แคร์ ศูนย์กลางทางการแพทย์ และตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์
การรักษามาตรฐาน และอัประบบให้ทันสมัย
นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ได้เปิดเผยมุมมองโดยกล่าวว่า : การใช้ดิจิทัลที่ผ่านมาได้มีการใช้อย่างแพร่หลาย ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีทางการแพทย์ก็ถูกนำมาใช้มากยิ่งขึ้นและมีการเปลี่ยนแปลงให้ทันสมัยขึ้นตามเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนา อีกทั้งข้อมูลต่างๆ ก็ถูกเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก ทำให้ระบบเทเลเมดิซีนถูกบังคับให้พัฒนา
ทั้งนี้เทคโนโลยีทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนระบบให้ทันสมัย เพื่อให้เกิดการวินิจฉัยอาการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น โดยการรักษาทีเดียวจบ ซึ่งหลังจากนี้โรงพยาบาลเอกชนไทยต้องปรับปรุงเทคโนโลยี ที่สำคัญต้องคงความนิยมของลูกค้าทั้งในและนอกประเทศไว้
อย่างไรก็ตาม Medical Hub ได้เกิดขึ้นมานานแล้วแต่สิ่งที่ต้องเตรียมต่อไป คือ ด้านบุคลากรที่มีเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผลิตบุคลากร ฝ่ายเตรียมคน ฝ่ายลงทุน และการผลิตผู้เชี่ยวชาญ ต้องร่วมมือกัน เป็นภาพรวมระดับประเทศ!
3 ข้อได้เปรียบของไทย
3 ข้อได้เปรียบ คือ การบริการ ราคาที่ถูก และแพทย์ไทยที่เรียนเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มาตรฐานทางการแพทย์สูงเหมือนกับแพทย์ที่จบจากสหรัฐอเมริกา และข้อได้เปรียบอีกข้อที่สำคัญนอกเหนือจาก 3 ข้อคือการส่งเสริมของภาครัฐในเรื่อง Medical Hub เป็น New S-Curve
สิ่งที่ผู้ป่วยต่างประเทศต้องการใช้บริการทางการแพทย์ในไทย
-
การรักษา เช่น โรคหัวใจในกลุ่มประเทศ CLMV รักษาโรคมะเร็ง รักษาแผลเบาหวาน
-
เกี่ยวกับกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ ในกลุ่มตะวันออกกลาง
-
อื่นๆ เช่น ศัลยกรรม การทำเด็กหลอดแก้ว ฯลฯ
อย่างไรก็ตามได้มีการคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด "ท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทย" จะขยายตัวหลังโควิด-19 ลดลงแตะระดับ 7.6 แสนล้านบาทในปี 2027 หรือเติบโตเฉลี่ย 13.2% ต่อปี
และในปี 2022 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยกว่า 9.5 ล้านคน โดยแบ่งเป็น 8-12% เป็น Medical Tourism และผู้ป่วยต่างชาติที่จะเข้ามาส่วนใหญ่เป็นกลุ่มตะวันออกกลางกว่า 70%
-Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ—
ข้อมูลจาก : angkokbiznews