เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญในปี 2023

เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีสำคัญในปี 2023

ใกล้จะสิ้นปี 2022 แล้ว เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหรือการเปิดตัวเทคโนโลยีต่างๆ ที่มีอยู่ทุกปี ด้วยการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่สูงมากใครเริ่มก่อนหรือคิดไอเดียใหม่ๆ ที่เป็นประโยชน์ได้ก่อนมักจะได้เปรียบ ซึ่งล่าสุด การ์ทเนอร์ ได้เปิด 10 เทรนด์เทคโนโลยีที่มาแรงในปี 2023 ที่องค์กรธุรกิจต้องจับตาและศึกษา เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในปี 2023

 

1. ความยั่งยืน (Sustainability)

จากการสำรวจของการ์เนอร์ชี้ให้เห็นว่า ผู้บริหาร IT มองว่าการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมในขณะนี้ มีความสำคัญสูงสุดติดสามอันดับแรกสำหรับนักลงทุน รองจากเรื่องผลกำไรและรายได้ นั่นหมายความว่าผู้บริหารต้องลงทุนมากขึ้นกับนวัตกรรมโซลูชันที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับตอบโจทย์ความต้องการด้าน ESG

 

2. เมตาเวิร์ส (Metaverse)

การ์เนอร์คาดว่า Metaverse ที่สมบูรณ์ไม่ได้ขึ้นกับอุปกรณ์ และจะไม่มีใครเป็นผู้จำหน่ายหรือเจ้าของผู้เดียว แต่จะมีระบบเศรษฐกิจเสมือนของตัวเอง โดยใช้สกุลเงินดิจิทัลและโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (NFTs) ภายในปี 2570 

 

การ์เนอร์ได้คาดการณ์ว่ามากกว่า 40% ขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลกจะใช้เทคโนโลยีผสมผสานกัน เช่น Web3, AR Cloud และ Digital Twins ในโครงการใดๆ บน Metaverse โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้นั่นเอง

 

3. ซูเปอร์แอป (Superapps)

การ์เนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2070 ในแต่ละวันของจำนวนประชากรทั่วโลกมากกว่า 50% จะใช้ Superapps หลายตัว ถึงแม้ตัวอย่างส่วนใหญ่ของ Superapps จะเป็นแอปในมือถือก็ตาม

 

แต่แนวคิดนี้ยังสามารถนำไปปรับใช้กับแอปพลิเคชันของลูกค้าบนเดสก์ท็อป เช่น Microsoft Teams และ Slack ด้วยปัจจัยที่สำคัญคือ Superapp สามารถรวมและแทนที่แอปหลากหลายเพื่อให้ลูกค้าหรือพนักงานได้ใช้งาน

 

4. AI ที่ปรับเปลี่ยนได้ (Adaptive AI)

AI ที่ปรับเปลี่ยนได้ (Adaptive AI) นั้นมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาโมเดลขึ้นใหม่อย่างต่อเนื่องและเรียนรู้ภายในช่วงเวลาการทำหรือใช้ และอยู่ในสภาพแวดล้อมของการพัฒนา โดยอาศัยฐานข้อมูลใหม่เพื่อปรับระบบให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามสถานการณ์จริงที่ไม่ได้คาดการณ์ไว้ หรือไม่ได้เตรียมการไว้ในระหว่างการพัฒนาครั้งแรก

 

และแน่นอนครับว่าสามารถตอบโจทย์การให้ฟีดแบคแบบเรียลไทม์ และสามารถปรับเปลี่ยนการเรียนรู้ได้แบบไดนามิกและตรงเป้าหมาย ซึ่งจะทำให้เหมาะสมสำหรับการดำเนินงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมภายนอก หรือการเปลี่ยนแปลงเป้าหมายขององค์กรที่ต้องการตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

 

5. ระบบภูมิคุ้มกันดิจิทัล (Digital Immune System)

การ์เนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 องค์กรที่ลงทุนในการสร้างภูมิคุ้มกันดิจิทัลจะลดการหยุดทำงานของระบบได้มากถึง 80% และนั่นคือการแปลงรายได้กลับสู่องค์กรได้สูงมากยิ่งขึ้น โดย 76% ของทีมที่รับผิดชอบผลิตภัณฑ์ดิจิทัลในเวลานี้มีหน้าที่สร้างรายได้ให้ธุรกิจด้วยเช่นกัน

 

ดังนั้นผู้บริหาร IT จึงต้องมองหาแนวทางปฏิบัติใหม่ๆ ที่สามารถให้ทีมงานนำมาปรับใช้เพื่อส่งมอบคุณค่าทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นได้ พร้อมลดความเสี่ยงและเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า โดยระบบภูมิคุ้มกันดิจิทัลอยู่ในแผนงานดังกล่าวนั่นเอง

 

6. การสังเกตประยุกต์ (Applied Observability)

การสังเกตประยุกต์ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากข้อมูลสิ่งประดิษฐ์ของตนเพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งมีประสิทธิภาพมาก เพราะช่วยยกระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของข้อมูลที่ถูกต้องในเวลาที่เหมาะสม

 

สำหรับดำเนินการอย่างรวดเร็วตามการกระทำของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับการยืนยันมากกว่าความตั้งใจ เมื่อวางแผนอย่างมีกลยุทธ์และดำเนินการได้สำเร็จ ความสามารถในการสังเกตที่นำไปใช้จะเป็นแหล่งข้อมูลที่ทรงพลังที่สุดในการตัดสินใจสำหรับขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูล

 

7. AI Trust การจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย (AI Trust, Risk and Security Management)

จากการสำรวจของการ์เนอร์พบว่า 40% ขององค์กรต่างๆ ต่างประสบปัญหาการละเมิดความเป็นส่วนตัว หรือมีเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่เกิดขึ้นจาก AI อีกทั้งจากการสำรวจเดียวกันนี้ยังพบว่าองค์กรที่จัดการความเสี่ยง ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัย AI อย่างจริงจังนั้น ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกับโครงการ Ai 

 

ดังนั้นองค์กรจำเป็นต้องนำความสามารถใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าแบบจำลองมีความเสถียร เชื่อถือได้ มีความปลอดภัยและการปกป้องข้อมูล ซึ่ง AI Trus นั้น จะจัดการความเสี่ยงและความปลอดภัย (หรือ TRiSM) กำหนดให้ผู้เข้าร่วมแผนกต่างๆ ในองค์กรสามารถทำงานร่วมกันได้เพื่อนำมาตรการใหม่นี้มาปรับใช้นั่นเอง

 

8. แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรม (Industry Cloud Platforms)

การ์เนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2570 องค์กรมากกว่า 50% จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับภาคอุตสาหกรรมเพื่อเร่งการดำเนินโครงการใหม่ๆ ของธุรกิจ

 

9. แพลตฟอร์มวิศวกรรม (Platform Engineering)

การ์เนอร์คาดการณ์ว่า 80% ขององค์กรด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์จะจัดตั้งทีมดูแลแพลตฟอร์มภายในปี 2569 และ 75% จะรวมพอร์ทัลการใช้งานด้วยตนเองสำหรับนักพัฒนา

 

10. การรับรู้ถึงคุณค่าของระบบไร้สาย (Wireless Value Realization)

การ์เนอร์คาดการณ์ว่าภายในปี 2568 60% ขององค์กรจะใช้เทคโนโลยีไร้สาย 5 อย่างขึ้นไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีอย่างมากมายเข้ามาครอบครองตลาด แต่องค์กรธุรกิจต่างๆ จะใช้โซลูชันไร้สายที่หลากหลายเพื่อรับกับทุกสภาวะแวดล้อม ตั้งแต่ Wi-Fi ในสำนักงาน ผ่านบริการในอุปกรณ์พกพา ไปจนถึงบริการที่ใช้พลังงานต่ำ รวมไปถึงการเชื่อมต่อวิทยุ

 

อย่างไรก็ตามสำหรับเทรนด์เทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์มาแรงที่เปิดเผยล่าสุดในปีนั้น ได้ตอกย้ำให้เห็นแนวโน้มเทคโนโลยีที่ผลักดันให้เกิดการหยุดชะงักและสร้างโอกาสสำคัญให้ธุรกิจไปอีก 5-10 ปีข้างหน้า และหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย


 

 

 

 

 

 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : stefanini.com / ryt9.com