เพราะ Size มีความสำคัญเสมอ

เพราะ Size มีความสำคัญเสมอ


เมื่อเข้าสู่ยุคนี้ ยุคที่ให้ความสำคัญกับสินค้าและรวมไปถึงบรรจุภัณฑ์ต่างๆ ผู้คนเริ่มให้ความสำคัญ ใส่ใจในผลิตภัณฑ์มากขึ้น ใส่ใจแม้แต่เรื่องเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น สีสันของบรรจุภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ รวมไปถึงการบริการต่างๆ ที่ทางแบรนด์ได้มอบต่อลูกค้าด้วย เมื่อคนเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนจะได้รับ เริ่มเห็นถึงสิทธิและประโยชน์ในส่วนที่ตนจะต้องได้รับมากขึ้น ผู้บริโภคจึงไม่ละเลยเรื่องเล็กน้อยใดๆ ที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่งผลให้ผู้ประกอบการทั้งหลายจึงต้องพัฒนาสินค้าและบริการอยู่เสมอเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุด อีกทั้งเพื่อให้ครองใจผู้บริโภค และให้ผู้บริโภคเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ของเราไปตลอดนั่นเอง

อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญในตอนนี้ อย่างที่เราพบเห็นกันอยู่เสมอๆ นั่นคือ ขนาด ของสินค้าที่เข้ามาเป็นส่วนให้ได้ตัดสินใจซื้อเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่จะสัมพันธ์กับการใช้งาน หรือขนาดที่สัมพันธ์กับราคาเป็นต้น และทราบหรือไม่ว่า ทัศนคติที่มีต่อขนาดสินค้านั้นเกิดจากการเปรียบเทียบทั้งสิ้น เช่น เราจะไม่คิดว่ารถของเราเล็กเกินไปถ้าหากไม่ไปขึ้นรถที่มีขนาดใหญ่กว่า หรือเห็นอาหารในจานของคนอื่นมากกว่า เราก็จะมองว่าอาหารในจานของเราน้อยทันที 

ดังนั้นคนจึงมักเลือกสินค้า ที่มีขนาด กลาง มากกว่า นั่นอาจเป็นเพราะว่าไม่น้อยเกินไป หรือไม่มากเกินไปนั่นเอง จากเหตุผลต่างๆ ของผู้บริโภค ส่งผลให้เจ้าของกิจการทั้งหลายจึงต้องหันมาพิจารณาสิ่งเหล่านี้เพื่อที่ปรับปรุงธุรกิจ และพิจารณาในเรื่องของขนาดสินค้า และมีผลต่อการซื้อสินค้าของลูกค้า รวมไปถึงการสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจด้วย

จากผลการวิจัยของ Harvard Business Review ได้บอกไว้ว่า ขนาดนั้นส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้า จากการทดลองมี French Fries 3 ขนาด พบว่าการกำหนดขนาดว่า มินิ เล็ก และ ปกติ สามารถเพิ่มความอยากซื้อถึง 23% โดยเทียบกับการกำหนดขนาดที่ว่า ปกติ ใหญ่ และ ใหญ่มาก เนื่องจากลูกค้าบางคนนั้นต้องการขนาดปกติโดยที่ไม่สนใจว่าปริมาณของนั้นจะมีมากหรือน้อยแค่ไหน แต่ถ้าหากให้ขนาด ปกติ นั้นเป็นขนาดเริ่มต้น จะรู้สึกว่าน้อยไป และใหญ่ ก็จะรู้สึกว่ามากเกินไปเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับขนาดอีกหลายชนิด เช่น
- ลูกค้าไม่ต้องการสินค้าขนาดใหญ่เกินไป แต่เลือกสินค้ายี่ห้อนั้นๆ เพราะว่ามีปริมาณที่พอเหมาะพอดี หรือด้วยความรู้สึกที่ว่าสินค้านั้นมีคุณภาพและหายากกว่า ยิ่งถ้าหากมีราคาแพงกว่าก็อาจจะทำให้อยากซื้อเพิ่มมากขึ้น และคิดว่ามีคุณภาพดีแน่นอน
- ไม่ซื้อสินค้าที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป เพราะว่ายังไงก็ใช้ไม่หมด ลูกค้าบางคนจึงเลือกที่จะซื้อสินค้าขนาดเล็กถึงแม้ว่าจะแพงกว่าก็ตาม (เช่นเดียวกัน บางคนก็ยอมซื้อขนาดใหญ่เพราะว่าประหยัดกว่า ถึงแม้จะเหลือทิ้งก็ตาม) การที่ผู้ประกอบการนั้นมีขนาดที่หลากหลายให้เลือกจะรองรับลูกค้าได้หลายกลุ่มมากขึ้น 
- ลูกค้ายินดีที่จะจ่ายเพิ่ม 15% กับการที่สามารถเลือกขนาดหรือปริมาณที่เหมาะสมกับความต้องการ เช่น เรามักยอมซื้อน้ำเปล่าขวดเล็กในร้านสะดวกซื้อ มากกว่าซื้อขวดใหญ่ทั้งที่ขวดใหญ่นั้นคุ้มกว่า เพราะว่าเราสะดวกที่จะซื้อและถือน้ำขวดเล็กมากกว่านั่นเอง

สำหรับขนาดและปริมาณนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญและเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคในปัจจุบัน ที่สำคัญต้องสำรวจตลาดสินค้าด้วยว่าคู่แข่งของเรานั้นเป็นอย่างไร และพัฒนาไปถึงไหนแล้วบ้าง เพื่อให้เราตื่นตัวที่จะพัฒนาสินค้าของตนต่อไป เพราะทัศนคติที่มีต่อขนาดสินค้านั้นเกิดจากการเปรียบเทียบ ดังนั้นผู้ประกอบการทั้งหลายจึงต้องศึกษาเกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคให้ดี อย่าละเลย เพื่อการครองใจผู้บริโภคและผลกำไรที่มากขึ้น







ที่มา : thaismeresearch