บางครั้งไอเดียที่แย่ก็เปลี่ยนเป็นไอเดียที่ดีได้

บางครั้งไอเดียที่แย่ก็เปลี่ยนเป็นไอเดียที่ดีได้


อย่างที่เคยกล่าวในบทความก่อนๆ นั้นเอาไว้ว่า การพกสมุดจดจะช่วยให้ไอเดียที่เราคิดได้ หรือบังเอิญคิดได้มันยังคงอยู่ เพราะบางครั้งการที่เราคิดว่าเราจะจำสิ่งเหล่านั้นได้ กาลเวลาอาจทำให้ความคิดนั้นเลือนรางออกไป ข้อแนะนำคือ เมื่อใดที่คิดไอเดียหรืออะไรใหม่ๆ แปลกๆ ได้ให้จดบันทึกไว้ทันที อย่างน้อยถึงแม้เราจะไม่ได้ใช้มัน แต่เราก็ได้จดบันทึกเอาไว้ เผื่อว่าวันข้างหน้า สิ่งที่เราไม่ต้องการในวันนี้อาจมีประโยชน์เราได้อีกครั้งในอนาคต

ตามปกติ เรามักใช้คำว่า “ไอเดีย” แทนความหมายของคำว่า “ความคิด” อยู่บ่อยๆ (จริงๆ แล้ว คำว่า “ความคิด” มีความหมายกว้างกว่ามาก)หลายครั้งที่เราเข้าใจว่าการเริ่มต้นงานสร้างสรรค์ต่างๆ ล้วนต้องมาจากไอเดียที่ดี ซึ่งได้มาจากประสบการณ์ หรือสิ่งที่ผ่านเข้า มาในความคิด แล้วจึงนำมาผ่านขั้นตอนการพัฒนาจนเกิดเป็นงานสร้างสรรค์มากมาย

สิ่งที่คนส่วนใหญ่ยอมรับหรือคัดสรรมาแล้วว่าดีและมีความแน่นอนมักเป็นที่ยอมรับจากสังคมว่าดีเสมอ ข้อเสียเพียงข้อเดียวและเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับแนวคิดนี้คือ คนอีกเป็นล้านคนอาจมีแนวคิดเหมือนเราก็เป็นได้ และกำลังทำสิ่งนี้อยู่เช่นกัน ถ้าหากต้องการมีเอกลักษณ์และความเป็นตัวเอง ควรหมั่นฝึกฝนและออกแบบให้มันความแตกต่างและเป็นตัวเองมากที่สุดนั่นเอง 

ยกตัวอย่างเช่น
วงการแฟชั่น นักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงมักจะเป็นคนที่คิดและผลิตงานที่แตกต่างจากแฟชั่นในท้องตลาดเสมอ ในปี 1970 วิเวียน เวสต์วูด เจ้าแม่วงการแฟชั่นจากเกาะอังกฤษ และมัลคอล์ม แม็กลาเรน ตัดสินใจเปิดร้านในย่านที่ไม่น่าจะเป็นย่านแฟชั่นได้เลย อย่าง St. Christopher’s Place ในลอนดอน เสื้อผ้าของเธอดูช่างหวือหวาหลุดโลกจนไม่น่าจะใส่ได้ แถมราคายังแพงจนไม่น่าจะมีใครยอมควักกระเป๋าซื้อ แน่นอนว่าไม่นานก็เจ๊ง แล้วคิดว่านี่เป็นไอเดียที่ดีหรือไม่?

แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากวันนั้นทั้งคู่ไม่ลุกขึ้นมาแสดงความคิดและกล้าที่จะแตกต่าง ชื่อของ วิเวียน เวสต์วูด คงไม่ได้ขึ้นสู่ทำเนียบนัก ออกแบบแฟชั่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของโลก และแม็กลาเรนก็อาจจะไม่ได้ตั้งวงดนตรีที่กลายเป็นตำนานอย่าง Sex Pistols

ไม่ว่าจะเป็นไอเดียหรือแนวความคิดใดก็ตาม ความคิดเหล่านี้ไม่มีผิดและถูก แต่มักจะขึ้นอยู่กับมุมมองที่มองมา ขึ้นอยู่กับว่าเรามองจากมุมไหน แต่หากมองให้ลึกลงไปแล้ว เกือบทุกความก้าวหน้าของมนุษยชาติล้วนเริ่มต้นจากความคิดส่วนบุคคลหรือคนส่วนน้อยเสมอ 

อย่าลืมว่าทุกความสำเร็จนั้นก็ไม่ได้เกิดความส่วนผสมเพียงอย่างเดียว การพัฒนาความคิดและเทคนิคต่างๆ จะทำให้ไอเดียที่เราได้วาดเอาไว้มีทางเป็นจริงขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเทคนิคสนับสนุน หรือธุรกิจและการตลาดที่จะตามมา สิ่งเหล่านี้เมื่อคิดไปพร้อมๆ กันแล้วก็จะกลับมาช่วยขัดเกลาให้ไอเดียมีความชัดเจนโดดเด่นมากขึ้น 

สุดท้ายนี้สำหรับใครที่มีไอเดีย หรือแนวความคิดที่จะทำโปรเจคอะไร ก็อยากให้ลองลงมือทำ และอย่ากลัวว่าจะผิดพลาดหรือล้มเหลว ต้องสู้และเอาใจใส่กับมันให้มากที่สุด เพราะมันก็ดีกว่าการที่เราวางไอเดียเอาไว้แล้วไม่แตะต้องอะไรมันอีกเลย สิ่งนั้นน่าจะเป็นสิ่งที่น่าเสียดายมากกว่าการที่เราทำแล้วล้มเหลวหรือไม่ประสบความสำเร็จเสียอีก เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดจากบทเรียนเหล่านั้นเสมอ







ที่มา : Mr.Theppadon Sittiraporn