ทักษะที่นักออกแบบรุ่นใหม่ควรเรียนรู้ในปี 2018

ทักษะที่นักออกแบบรุ่นใหม่ควรเรียนรู้ในปี 2018


เป็นเรื่องธรรมดาที่ยุคสมัยก้าวหน้า คนเราก็ต้องเพิ่มพูนความรู้และเทคนิคให้ตนเองอยู่เสมอ เพราะว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาได้และไม่หยุดที่จะพัฒนา ประกอบกับศาสตร์ใหม่ๆ ที่แวะเวียนเข้ามาพร้อมกับความทันสมัยของโลก หลายสิ่งหลายอย่างก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น หรือหายจากไป 

นักออกแบบทุกท่านอาจประสบปัญหายังยึดติดกับการออกแบบและผลงานเดิมๆ ของตน ซึ่งอาจเป็นผลดีถ้าหากมีคนชื่อชอบ แต่การยึดติดรูปแบบของตนเองนั้นจะประสบความสำเร็จได้ก็อาจต้องประยุกต์ให้เข้ากับเทคนิค รสนิยม ความชอบ ของผู้เสพผลงานในปัจจุบันนี้ด้วย 

เช่นกันในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงของวงการสื่อและการออกแบบ อย่างเช่น สื่อ Social Media, Website, Interactive ได้เข้ามามีบทบาทในสังคมปัจจุบันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างเช่น ในสมัยก่อนเราอาจจำเป็นต้องโปสเตอร์โปรโมทงานกิจกรรมต่างๆ โดยอาจพบเจอได้ตามผนังหรือที่ปิดโฆษณาทั้งหลาย ปัจจุบันสื่อโปสเตอร์ได้ลดน้อยลง และกลับกลายเป็น Artwork บนโลกอินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบน Facebook หรือ Instagram ที่เห็นกันอย่างหนาตา

ศาสตร์แห่งการออกแบบที่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นไปตามยุคสมัย ซึ่งนั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมชาติของโลก แต่ก็ไม่มีควมาจำเป็นที่เหล่านักออกแบบต้องตื่นตระหนกอะไรมากนัก เพราะศาสตร์พื้นฐานของการออกแบบก็ยังคงเดิม อาจมีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของเทคนิคและความคิดสร้างสรรค์ที่แปลกใหม่ตามเส้นทางเดินชีวิตของนักออกแบบแต่ละคน หรือประสบการณ์ที่แตกต่างกันทำให้เกิดการถ่ายทอดออกมาอย่างแตกต่าง 

ส่วนศาสตร์การออกแบบที่สอดคล้องกับความต้องการในธุรกิจของผู้ประกอบการในปี 2018 นี้ อาจยังไม่เพียงพอหากเราไม่ทำการศึกษาเพิ่มเติม และฝึกฝน เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเรา และเอื้อหนุนต่อผู้ประกอบการ ทักษะใหม่ๆ ในปี 2018 นี้เราอาจพึงจำเป็นต้องรู้เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ประกอบการเกิดเป็นการว่าจ้างขึ้นในที่สุดนั่นเอง 

1.เรียนออกแบบ UX
หลายคนอาจคิดว่า UX (User Experience) คือนักออกแบบสายเว็บไซต์ สายแอพพลิเคชั่น แต่แท้จริงแล้วคือไม่ใช่สายออกแบบ แต่ UX Design คือเรื่องราวของพฤติกรรมมนุษย์ หรือ Human Behaviour เป็นสิ่งที่นักออกแบบทุกสาขาควรเรียนรู้เอาไว้ เพื่อให้การออกแบบนั้นสามารถตอบโจทย์กับกลุ่มลูกค้ามากที่สุด ถึงแม้ว่ารูปแบบเว็บนั้นจะสวยงามมากแค่ไหนหากการใช้งานนั้นยุ่งยากก็ทำให้ลูกค้าไม่ประทับใจได้เช่นกัน 

2.เรียนรู้พื้นฐานการเขียน Code
ถือเป็นช่วงเวลาคิวทองของการเขียน Code มากขึ้น เพราะธุรกิจส่วนใหญ่นั้นเริ่มหันมาทำเว็บไซต์และให้ความสำคัญกับทางโลกออนไลน์เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนที่เป็นข้อเสียของนักออกแบบเว็บไซต์นั้นมากกว่า 50% ไม่สามารถเขียน Code ได้ จึงเป็นสาเหตุให้งานเหล่านี้ไม่สามารถจบที่การทำงานเพียงคนเดียว กลายเป็นงานที่ต้องใช้ทั้งเวลาและกำลังคนอีกหลากหลายนั่นเอง 

แต่ถ้าจะต้องไปเรียน Code กันตั้งแต่แรกก็อาจไม่ไหว แต่การศึกษาเบื้องต้น การแก้สี แก้ฟ้อนต์ แก้ HTML/CSS แบบง่ายก็เพียงพอแล้ว เพราะอย่างน้อยๆ เราก็สามารถแก้งานจาก Developer ในเวลาที่เขาไม่อยู่ได้ หากอยากลองสร้างเว็บแบบไม่เขียน Coding ก็มีหลากหลายทางเรื่องให้ลองใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น WordPress หรือ Adobe Muse CC ก็จะสามารถทำเว็บให้ออกมาใช้งานได้อย่างไม่ยากเย็น

3.เรียนรู้โปรแกรมการออกแบบใหม่ๆ
เพราะการเรียนรู้โปรแกรมการออกแบบก็สำคัญไม่น้อย และโปรแกรมที่ใช้กันบ่อยๆ ก็คงหนีไม่พ้น Photoshop, Illustrator, Indesign และเช่นกันว่าในปัจจุบันนี้ไม่ใช่แค่ Adobe บริษัทเดียวที่คิดค้นดปรแกรมในการออกแบบ จะเห็นได้ว่าหลายบริษัทผลิตโปรแกรมใช้งานมากมาย เช่น Sketch ซึ่งนักออกแบบสาย UI/UX จะคุ้นเคยกันดี หรือ Affinity ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้ใหม่ที่หลายคนได้ให้ความสนใจและอีกหลากหลายโปรแกรม

4.ทักษะการแก้ปัญหา
ทักษะการแก้ปัญหาคือสิ่งหนึ่งที่นักออกแบบพึงมี เพราะทุกปัญหานั้นมีทางแก้เสมอแต่อาจขึ้นอยู่กับการมองปัญหา และหนทางในการแก้ไขในแต่ปัญหา และอย่าลืมว่าเรามีทีมที่พร้อมจะร้วมแก้ปัญหาไปด้วยกัน ถึงแม้ว่าปัญหานั้นอาจเป็นปัญหาที่เราแก้ได้เพียงคนเดียว แต่การปรึกษาและพูดคุยกับคนอื่นๆ จะช่วยให้เรามีมุมมองที่แปลกและสามารถแก้ไขปัญหาได้ไวขึ้น

5.เรียนออกแบบสื่อ Social Media
สื่อ Social Media ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในยุคนี้ไปแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าหรือบริการต่างๆ รวมไปถึงการประชาสัมพันธ์ ก็ต่างต้องการอาศัย Artwork เพื่อลงในสื่อโซเชียลเหล่านี้ ดังนั้นอย่าลืมศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการออกแบบสื่อในแต่ละครั้งด้วย มากกว่า 70% ที่ใช้สื่อ Social Media ในการประชาสัมพันธ์ต่างๆ และมีทีท่าว่าจะเพิ่มมากขึ้นในอนาคตอีกด้วย 








ที่มา : grappik