จีนจะผงาดขึ้นมาเป็น “มหาอำนาจด้านเทคโนโลยี” ได้หรือไม่

จีนจะผงาดขึ้นมาเป็น “มหาอำนาจด้านเทคโนโลยี” ได้หรือไม่

จากการประชุมสมัชชาใหญ่ "พรรคคอมมิวนิสต์จีน" ครั้งที่ 20 ซึ่ง "สีจิ้นผิง" ได้รับเลือกขึ้นเป็นประธานาธิบดีจีน และเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่สามอย่างเป็นทางการ 

 

จากการสำรวจพบว่าประชาชนครึ่งค่อนประเทศต่างก็ชื่นชอบนโยบายเศรษฐกิจจีนในยุคใหม่ของ "ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง" ที่ได้มีการมุ่งเน้นการสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน และกระจายความมั่งคั่งให้ประชาชนทุกคนไปพร้อมๆ กัน

 

แน่นอนว่าเหล่าเศรษฐีและนักธุรกิจรายใหญ่ๆ ยังถูกกระตุ้นให้ต้องตอบแทนสังคมด้วย และไม่ปล่อยให้ความรวยกระจุกอยู่ในที่เดียว ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชาติ ขยายฐานชนชั้นกลางให้มากขึ้น โดยเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายคือ “ขจัดความยากจนให้หมดจากประเทศ” 

 

เนื่องจากทุกวันนี้ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้นกำลังเป็นปัญหาใหญ่ที่สร้างความแตกแยกให้สังคมทั่วทุกมุมโลก และที่แย่ไปกว่านั้นคือ ความเหลื่อมล้ำข้ามรุ่น ที่ถูกส่งต่อไปยังลูกหลานแบบไม่มีวันสิ้นสุด

 

สุนทรพจน์ใหญ่ครั้งล่าสุดกับการแถลงผลงานในรอบ 10 ปี

ซึ่งในสุนทรพจน์ครั้งล่าสุดกับการแถลงผลงานในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา (เพื่อสร้างความชอบธรรมสู่การต่ออายุผู้นำสูงสุดของจีนเป็นสมัยที่สาม) โดย "ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง" ได้มุ่งเน้นไปที่การรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงกับเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนสานต่อนโยบายต่างๆ ที่ประกาศไว้ว่า "จะเน้นที่คุณภาพมากกว่าปริาณ"

 

ในส่วนของนโยบายหลายอย่างที่เคยประกาศไว้อย่างดุดันก่อนหน้านี้?

ซึ่งนโยบายแข็งกร้าวหลายอย่างที่เคยได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้กลับไม่ถูกพูดถึงแต่อย่างใด เช่น การประกาศโดยน้ำเสียงที่ดุดันขู่ไต้หวันว่า "ปัญหาไต้หวันไม่สามารถปล่อยไว้โดยไม่มีบทสรุป" หรือการประกาศกร้าวว่า "บ้านมีไว้อยู่ ไม่ได้มีไว้ปั่น" เพื่อสกัดความร้อนแรงจากการเก็งกำไรของภาคธุรกิจอสังหาฯ 

 

เช่นเดียวกับที่เคยประกาศชัดไว้ว่า "สหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามของจีน" แต่ถึงกระนั้นในสุนทรพจน์ครั้งนี้ก็ไม่มีการกล่าวถึงศัตรูตัวเอ้แต่อย่างใด

 

ในส่วนของอนาคตจีนภายใต้ยุคที่สามของ "สีจิ้นผิง" โดยมีสัญญาณบ่งชี้ได้เป็นนัยว่า จะมีการลดดีกรีความตึงเครียดลงและหันมาเน้นการปลุกระดมความสามัคคีของคนในชาติ

 

เพื่อร่วมกัน "ต่อสู้ฟันฝ่า" อุปสรรคขวากหนามและความท้าทายใหม่ๆ จากรอบทิศ แน่นอนว่ามีเป้าหมายใหญ่ที่เน้นที่สุดคือ "จีนต้องพึ่งพาตัวเองให้ได้ในเรื่องของเทคโนโลยี" 

 

ซึ่งแน่นอนว่าจีนพร้อมที่จะทุ่มสรรพกำลังเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเชิงยุทธศาสตร์ให้ก้าวล้ำทันสมัย หากจับตาดูดีๆ เราจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมทีมงานชุดใหม่ของประธาณาธิบดีจีน จึงเต็มไปด้วยนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรการบินระดับหัวกะทิทั้งนั่น!

 

ทั้งนี้เรามาจับตากันดูว่าภายใน 5 ปีหลังจากนี้ จีนจะผงาดขึ้นมาเป็น "มหาอำนาจด้านเทคโนโลยีของโลกสำเร็จหรือไม่" อย่างไรก็ตามอเมริกาคงไม่ปล่อยให้จีนขึ้นมาผงาดเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีอย่างแน่นอน!!


 

 

 

 

 

 

 

 

--Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก : thairath.co.th