Geometric Shapes กับการออกแบบ

Geometric Shapes กับการออกแบบ

Geometric Shapes คือ รูปทรงเรขาคณิต หมายถึง รูปที่มีลักษณะเฉพาะทางเรขาคณิต เช่น จำนวนด้าน มุม ความยาว โดยทั่วไป เราสามารถแบ่งรูปทรงเรขาคณิตออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ 

-รูปทรงเรขาคณิตสองมิติ เป็นรูปที่มีมิติความกว้างและความยาวเท่านั้น ไม่มีมิติความสูงหรือความหนา เช่น รูปสามเหลี่ยม รูปสี่เหลี่ยม รูปวงกลม รูปวงรี
-รูปทรงเรขาคณิตสามมิติ งานออกแบบ 3 มิติ เป็นรูปที่มีมิติความกว้าง ความยาว และความสูงหรือความหนา เช่น ลูกบาศก์ ทรงกลม ทรงกระบอก ทรงกรวย ปริซึม 
รูปทรงเรขาคณิตมีบทบาทสำคัญในหลายๆ ศาสตร์ เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ ศิลปะ และอื่นๆ อีกมากมาย

การประยุกต์ใช้รูปทรงเรขาคณิต

การออกแบบอาคาร สถาปนิกใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบอาคาร เช่น ใช้รูปสี่เหลี่ยมเพื่อสร้างผนัง ใช้รูปสามเหลี่ยมเพื่อสร้างหลังคา ใช้รูปวงกลมเพื่อสร้างหน้าต่าง 
การออกแบบเครื่องจักร วิศวกรใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบเครื่องจักร เช่น ใช้รูปทรงกลมเพื่อสร้างล้อ ใช้รูปทรงกระบอกเพื่อสร้างตัวถัง ใช้รูปทรงกรวยเพื่อสร้างใบพัด 
การสร้างงานศิลปะ ศิลปินใช้รูปทรงเรขาคณิตในการสร้างงานศิลปะ เช่น ใช้รูปทรงสามเหลี่ยมเพื่อสร้างภาพภูเขา ใช้รูปทรงวงกลมเพื่อสร้างภาพดวงอาทิตย์ ใช้รูปทรงสี่เหลี่ยมเพื่อสร้างภาพบ้าน 

Geometric Shapes กับการออกแบบ

รูปทรงเรขาคณิตมีบทบาทสำคัญใน การออกแบบ โดยถูกใช้เป็นองค์ประกอบพื้นฐานในการสร้างสรรค์ผลงานออกแบบที่มีทั้งความสวยงาม ความน่าสนใจ และยังสื่อความหมาย อารมณ์ และความคิด ไปยังผู้ชมได้อีกด้วย

การใช้รูปทรงเรขาคณิตในงานออกแบบ

-โลโก้ แบรนด์ต่างๆ มักใช้รูปทรงเรขาคณิตเป็นองค์ประกอบหลัก เช่น โลโก้ของ Nike ใช้รูปทรงเครื่องหมายถูก โลโก้ของ Pepsi ใช้รูปทรงวงกลม โลโก้ของ Adidas ใช้รูปทรงสามแถบ 
-เว็บไซต์ มักใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบ เช่น ใช้รูปสี่เหลี่ยมเพื่อสร้างกรอบ ใช้รูปสามเหลี่ยมเพื่อสร้างปุ่ม ใช้รูปวงกลมเพื่อสร้างไอคอน
-บรรจุภัณฑ์ ใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบ เช่น กล่องนมมักใช้รูปทรงสี่เหลี่ยม ขวดน้ำมักใช้รูปทรงทรงกระบอก กระป๋องน้ำอัดลมมักใช้รูปทรงทรงกระบอก 
-งานกราฟิก เช่น โปสเตอร์ แผ่นพับ ใบปลิว มักใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบ เพื่อดึงดูดความสนใจ และสื่อความหมาย

หลักการใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบ

-การเลือกใช้รูปทรงเรขาคณิตที่เหมาะสม รูปทรงเรขาคณิตแต่ละประเภทมีสื่อความหมาย อารมณ์ และความรู้สึกที่แตกต่างกัน ดังนั้น ควรเลือกใช้รูปทรงเรขาคณิตให้เหมาะสมกับผลงานออกแบบ เช่น ต้องการสื่อความรู้สึกมั่นคง แข็งแรง ควรใช้รูปทรงสี่เหลี่ยม ต้องการสื่อความรู้สึกอ่อนโยน นุ่มนวล ควรใช้รูปทรงวงกลม 

-การจัดองค์ประกอบรูปทรงเรขาคณิต อย่างเหมาะสม จะช่วยให้ผลงานออกแบบดูสวยงาม น่าสนใจ และสื่อความหมายได้ชัดเจน เช่น การใช้หลักความสมดุล ความกลมกลืน ความได้สัดส่วน 

-การใช้สีสันและพื้นผิว ร่วมกับรูปทรงเรขาคณิต จะช่วยเพิ่มมิติ ความน่าสนใจ และสื่ออารมณ์ได้ดียิ่งขึ้น เช่น การใช้สีสดใสกับรูปทรงเรขาคณิตเรียบง่าย จะทำให้ดูสดใส ร่าเริง

-การใช้สีโทนเย็นกับรูปทรงเรขาคณิตที่ซับซ้อน จะทำให้ดูสง่างาม หรูหรา 

ประโยชน์ของการใช้รูปทรงเรขาคณิตในการออกแบบ

-สื่อความหมาย อารมณ์ และความคิด 
-สร้างความสวยงาม น่าสนใจ
-เพิ่มมิติ ความลึก ช่วยให้จดจำได้ง่าย

สรุป

เทรนด์การออกแบบที่ถูกกล่าวถึง และยังคงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน กับสไตล์เรขคณิต ที่มีทั้งแบบ 3D และ Flat Design เน้นเรื่องมิติและการจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ที่วางแบบสุ่มให้เข้ากัน เพิ่มความทันสมัย สะดุดตา ใช้ได้กับงานหลายงาน ตามความเหมาะสม 

---Wynnsoft Solution รับทำเว็บไซต์ รับทำ SEO รับทำการตลาดออนไลน์ รับทำโฆษณา Facebook รับทำเว็บไซต์ ขอนแก่น และรับทำเว็บไซต์ทั่วประเทศ

ข้อมูลจาก: นักเขียนนิรนาม